Skip to content

เช็กด่วน วิธีใส่เสื้อชูชีพที่ถูกต้อง ใส่แบบไหนเพิ่มความปลอดภัยได้จริง

วิธีใส่เสื้อชูชีพที่ถูกต้อง

ในการทำกิจกรรมทางน้ำต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการล่องเรือเล่น ตกปลา หรือเล่รกีฬาทางน้ำ สิ่งสำคัญที่สุดที่มองข้ามไม่ได้เลยก็คือเรื่องของความปลอดภัย และอุปกรณ์ชิ้นสำคัญที่เปรียบเสมือนเกราะป้องกันเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็คือ “เสื้อชูชีพ” แต่แค่มีเสื้อชูชีพอย่างเดียวอาจยังไม่พอ การสวมใส่ให้ถูกต้องตามวิธีใส่เสื้อชูชีพก็สำคัญไม่แพ้กัน 

ในบทความนี้ Riverdale Marina จะพาทุกคนไปเช็กกันครับว่าวิธีใส่เสื้อชูชีพที่ถูกต้องนั้นเป็นอย่างไร เพื่อให้ทุกทริปทางน้ำของคุณสนุกและปลอดภัยไร้กังวล

ทำความรู้จักเสื้อชูชีพแต่ละประเภท

เสื้อชูชีพแต่ละประเภท

ก่อนที่เราจะไปดูวิธีใส่เสื้อชูชีพที่ถูกต้อง เรามาทำความรู้จักกับประเภทของเสื้อชูชีพกันก่อนดีกว่าครับ เพราะเสื้อชูชีพแต่ละแบบก็มีคุณสมบัติและการใช้งานที่แตกต่างกัน การเลือกให้เหมาะสมกับกิจกรรมและสถานการณ์จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันได้สูงสุด โดยทั่วไปแล้ว เราสามารถแบ่งเสื้อชูชีพที่พบเห็นได้บ่อยๆ ออกเป็นสองประเภทหลักๆ ที่ควรรู้จัก เพื่อให้เลือกใช้ได้ตรงตามความต้องการและเพิ่มความมั่นใจในการเดินทางทางน้ำครับ เพราะการเข้าใจถึงคุณสมบัติของแต่ละประเภท จะนำไปสู่การเลือกและการเรียนรู้วิธีใส่เสื้อชูชีพที่เหมาะสมยิ่งขึ้น

เสื้อชูชีพแบบมาตรฐาน (Lifejacket)

เสื้อชูชีพแบบมาตรฐาน หรือที่เรียกกันติดปากว่า Lifejacket เป็นเสื้อชูชีพที่เราคุ้นเคยกันดีที่สุดครับ ลักษณะเด่นคือมีโฟมหรือวัสดุลอยน้ำบรรจุอยู่ภายในตัวเสื้อ ออกแบบมาให้มีแรงลอยตัวสูง สามารถช่วยพยุงตัวผู้สวมใส่ให้ลอยอยู่ในน้ำได้ แม้ในกรณีที่ผู้สวมใส่หมดสติ เสื้อชูชีพประเภทนี้มักจะมีสีสันสดใสเพื่อให้มองเห็นได้ง่ายในระยะไกล เหมาะสำหรับกิจกรรมทางน้ำทั่วไป การเดินทางด้วยเรือ หรือแม้แต่ในสถานการณ์ฉุกเฉินต่าง ๆ

เสื้อชูชีพแบบพองลม (Inflatable Lifejacket)

สำหรับเสื้อชูชีพแบบพองลมนั้น เป็นอีกทางเลือกที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในปัจจุบันครับ ด้วยขนาดที่เล็กกะทัดรัดและน้ำหนักเบากว่าแบบมาตรฐาน ทำให้ไม่รู้สึกเกะกะขณะทำกิจกรรม เสื้อชูชีพประเภทนี้จะพองตัวเมื่อสัมผัสกับน้ำ (แบบอัตโนมัติ) หรือเมื่อผู้สวมใส่ดึงสลัก (แบบแมนนวล) ทำให้เกิดแรงลอยตัวขึ้นมา เหมาะสำหรับนักกีฬาทางน้ำ หรือผู้ที่ต้องการความคล่องตัวสูง อย่างไรก็ตาม วิธีใส่เสื้อชูชีพแบบพองลมก็มีข้อควรระวังคือต้องตรวจสอบอุปกรณ์และกลไกการทำงานอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้มั่นใจว่าพร้อมใช้งานเสมอ และควรศึกษาวิธีการใช้งานเฉพาะรุ่นก่อนใช้จริง

วิธีใส่เสื้อชูชีพที่ถูกต้อง ปลอดภัย

วิธีใส่เสื้อชูชีพที่ถูกต้อง ปลอดภัย

เมื่อเรารู้จักประเภทของเสื้อชูชีพกันไปแล้ว ทีนี้มาถึงหัวใจสำคัญของบทความนี้กันครับ นั่นก็คือ วิธีใส่เสื้อชูชีพที่ถูกต้อง เพื่อให้มั่นใจได้ว่าอุปกรณ์ชิ้นนี้จะทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพเมื่อจำเป็นจริง ๆ โดยวิธีใส่เสื้อชูชีพที่ถูกต้องมีดังนี้

  1. เลือกขนาดให้เหมาะสม: ก่อนอื่นเลยต้องเลือกเสื้อชูชีพที่มีขนาดพอดีกับตัว ไม่หลวมหรือคับจนเกินไป เพราะเสื้อชูชีพที่หลวมอาจหลุดออกจากตัวได้เมื่ออยู่ในน้ำ ส่วนเสื้อชูชีพที่คับจะทำให้รู้สึกอึดอัดและเคลื่อนไหวไม่สะดวก ดังนั้นก่อนจะเลือกเสื้อชูชีพมาใส่ จึงควรตรวจสอบป้ายน้ำหนักและรอบอกที่แนะนำบนตัวเสื้อเสมอ
  2. สวมเสื้อชูชีพให้ด้านที่ถูกต้องอยู่ด้านนอก: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณสวมเสื้อชูชีพถูกด้าน โดยปกติจะมีป้ายหรือสัญลักษณ์บอก และส่วนที่มีวัสดุลอยน้ำหนาที่สุดควรอยู่บริเวณหน้าอกและหลัง
  3. ติดซิปหรือตัวล็อกด้านหน้าให้เรียบร้อย: หากเป็นเสื้อชูชีพแบบมีซิป ให้รูดซิปขึ้นจนสุด หรือติดตัวล็อกทั้งหมดที่มีให้ครบถ้วนและแน่นหนา
  4. ปรับสายรัดให้กระชับ: วิธีใส่เสื้อชูชีพที่สำคัญมากคือการปรับสายรัดต่าง ๆ ทั้งสายรัดอก สายรัดเอว หรือสายรัดระหว่างขา ให้กระชับพอดีกับลำตัว ไม่รัดแน่นจนหายใจไม่ออก แต่ก็ต้องไม่หลวมจนเสื้อสามารถเลื่อนหลุดขึ้นมาเหนือคางหรือศีรษะได้เมื่ออยู่ในน้ำ โดยก่อนจะลงน้ำให้ทดลองโดยการยกแขนขึ้นเหนือศีรษะ หากเสื้อชูชีพเลื่อนขึ้นมาจนปิดปากหรือจมูก แสดงว่ายังหลวมเกินไป ควรปรับให้กระชับขึ้น
  5. ตรวจสอบความเรียบร้อยอีกครั้ง: ก่อนลงน้ำหรือออกเรือ ควรตรวจสอบการสวมใส่อีกครั้งว่าทุกอย่างอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องและกระชับดี ลองขยับตัวไปมาเพื่อให้แน่ใจว่าเสื้อไม่เลื่อนหลุดและยังคงรู้สึกสบาย

 

วิธีใส่เสื้อชูชีพที่ไม่ถูกต้องและควรหลีกเลี่ยง

การทราบวิธีใส่เสื้อชูชีพที่ถูกต้องเป็นเรื่องสำคัญฉันใด การรู้ว่าวิธีไหนที่ไม่ถูกต้องและควรหลีกเลี่ยงก็สำคัญไม่แพ้กันครับ เพราะอาจทำให้เสื้อชูชีพทำงานได้ไม่เต็มที่ หรืออาจก่อให้เกิดอันตรายได้ การสวมใส่ที่ไม่ถูกต้องสามารถลดประสิทธิภาพของเสื้อชูชีพลงไปได้ด้วย

  • ใส่เสื้อชูชีพหลวมเกินไป: ดังที่กล่าวไปข้างต้น เสื้อชูชีพที่หลวมจะทำให้ตัวคุณลอยต่ำกว่าที่ควร หรือเสื้อชูชีพอาจหลุดออกจากตัวได้เมื่อตกน้ำ ทำให้ไม่สามารถพยุงตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ไม่ติดอุปกรณ์ล็อกหรือซิปให้ครบ: การละเลยการติดซิปหรือตัวล็อกบางจุด หรือติดไม่แน่นพอ อาจทำให้เสื้อชูชีพไม่สามารถรองรับน้ำหนักตัวได้เต็มที่และอาจเปิดอ้าออกเมื่ออยู่ในน้ำ
  • ใส่เสื้อกลับด้านหรือผิดประเภท: เสื้อชูชีพแต่ละแบบออกแบบมาเพื่อการใช้งานเฉพาะ การใส่ผิดด้านหรือใช้ผิดประเภท เช่น นำเสื้อชูชีพสำหรับกีฬาทางน้ำไปใช้ในทะเลลึก อาจลดทอนประสิทธิภาพลงและไม่ปลอดภัย
  • ใช้เสื้อชูชีพที่ชำรุด: ตรวจสอบสภาพเสื้อชูชีพทุกครั้งก่อนใช้งาน หากพบรอยฉีกขาด วัสดุลอยน้ำเสื่อมสภาพ (เช่น โฟมแตกหัก) หรือตัวล็อกเสียหาย ไม่ควรนำมาใช้งานเด็ดขาด เพราะอาจไม่สามารถให้การลอยตัวที่เพียงพอ
  • การรัดสายรัดแน่นเกินไป: แม้ว่าความกระชับจะสำคัญ แต่การรัดแน่นจนเกินไปอาจทำให้หายใจลำบากหรือจำกัดการเคลื่อนไหวเมื่อต้องการความช่วยเหลือ

 

ข้อดีของการใส่เสื้อชูชีพที่ถูกต้อง

ข้อดีของการใส่เสื้อชูชีพที่ถูกต้อง

การใส่เสื้อชูชีพที่ถูกต้องนั้น มีข้อดีมากมายที่มากกว่าแค่การช่วยให้ลอยน้ำได้ ไม่ว่าจะเป็น

  • เพิ่มโอกาสรอดชีวิต: นี่คือประโยชน์หลักและสำคัญที่สุด เสื้อชูชีพช่วยพยุงตัวให้ลอยอยู่เหนือน้ำ ลดความเสี่ยงจากการจมน้ำ โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด
  • ช่วยรักษาอุณหภูมิร่างกาย: หากอุณหภูมิของน้ำมีความเย็น หรือเกิดเหตุฉุกเฉินที่ทำให้ต้องลอยตัวอยู่ในน้ำเป็นเวลานาน ๆ เสื้อชูชีพบางประเภทสามารถช่วยชะลอการสูญเสียความร้อนของร่างกายได้ในระดับหนึ่ง (Hypothermia) ช่วยยืดระยะเวลาที่สามารถรอความช่วยเหลือได้
  • ทำให้มองเห็นได้ง่าย: สีสันที่สดใสของเสื้อชูชีพ เช่น สีส้ม สีเหลือง หรือสีแดง ช่วยให้หน่วยกู้ภัยหรือผู้ที่อยู่ใกล้เคียงมองเห็นได้ง่ายขึ้นหากเกิดอุบัติเหตุพลัดตกน้ำ หรือต้องการความช่วยเหลือ
  • เพิ่มความมั่นใจ: การรู้ว่าตัวเองสวมใส่อุปกรณ์นิรภัยอย่างถูกต้อง จะช่วยให้คุณสนุกกับกิจกรรมทางน้ำได้อย่างมั่นใจและสบายใจมากขึ้น ลดความกังวลและเพิ่มความเพลิดเพลิน
  • ช่วยในการพลิกตัว: เสื้อชูชีพบางประเภท (โดยเฉพาะ Type I และ Type II Offshore Life Jackets) ถูกออกแบบมาให้ช่วยพลิกตัวผู้สวมใส่ที่หมดสติให้นอนหงาย หน้าลอยพ้นน้ำได้

 

สรุปบทความ

Riverdale Marina

การใส่ใจในรายละเอียดของวิธีใส่เสื้อชูชีพที่ถูกต้องนั้นไม่ใช่เรื่องยุ่งยาก แต่เป็นสิ่งจำเป็นที่ไม่ควรมองข้าม เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเองและคนที่คุณรักในทุกครั้งที่ออกเรือหรือทำกิจกรรมทางน้ำ การเลือกเสื้อชูชีพที่เหมาะสมกับกิจกรรมและขนาดตัว ตรวจสอบสภาพให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ และที่สำคัญที่สุดคือการสวมใส่ให้กระชับพอดีตามวิธีใส่เสื้อชูชีพที่แนะนำ จะช่วยให้คุณอุ่นใจได้ว่ามีเกราะป้องกันที่พร้อมทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น 

สุดท้ายนี้ สำหรับคนที่กำลังมองหาพื้นที่สำหรับทำกิจกรรมทางน้ำ รวมถึงบริการด้านต่าง ๆ ในการดูแลเรือ  Riverdale Marina คือคำตอบที่สมบูรณ์แบบสำหรับคนรักเรือและกิจกรรมทางน้ำอย่างแท้จริง เพราะเราเป็นท่าเรือระดับ A-Class ที่พรั่งพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและบริการมาตรฐานสากล ตั้งแต่บริการท่าจอดเรือ Wet Berth และ Dry Storage บริการทำความสะอาด บริการลากเรือขึ้น-ลงน้ำ (Ramp Service) ปั๊มน้ำมัน ไปจนถึง Yacht Club เพื่อเป็นจุดนัดพบสำหรับคนรักเรือ 

และนอกจากจะสามารถแวะมาทำกิจกรรมทางน้ำต่าง ๆ ที่ Riverdale Marina ได้แล้ว บริเวณใกล้ ๆ ยังมีคอมมูนิตี้มอลล์ The Nine Center Tiwanon ซึ่งเป็นแหล่งรวมร้านค้า และร้านอาหารมากมายไว้คอยบริการ ใช้เวลาเดินทางเพียง 5 นาที รวมถึงมีสนามกอล์ฟ Bangkok Golf Club และ Riverdale Golf Club ให้คุณมาออกรอบกับเพื่อนนักกอล์ฟได้ด้วย หรือจะแวะมาพักผ่อนที่ Tinidee Hotels & Resorts โรงแรมบรรยากาศดี สิ่งอำนวยความสะดวกครบครันที่ตั้งอยู่บริเวณใกล้เคียงก็ได้เช่นกัน